เป็นที่ทราบกันว่าการนำเข้าสินค้าใด ๆ จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย ไม่ว่าจะนำเข้ามาด้วยตนเองหรือผ่านบริการชิปปิ้งเคลียร์สินค้าก็ตาม โดยกระบวนการปกติแล้วจะต้องมีการเสียภาษีนำเข้า ซึ่งประกอบไปด้วยภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่นอกจากภาษีนำเข้าทั้งสองอย่างนี้แล้ว สินค้าบางชนิดกฎหมายไทยได้ระบุไว้ว่าหากจะนำเข้าต้องมีการเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีกด้วย ภาษีสรรพสามิตคืออะไร ทำไมเราต้องเสียเพิ่ม แล้วมีสินค้าใดบ้างที่ต้องเสียภาษีชนิดนี้มาพบคำตอบกัน
ภาษีสรรพสามิตคืออะไร
ในปัจจุบันการนำสินค้าต่าง ๆ เข้ามาในไทยผ่านเครื่องบินขนส่งมาลงยังสนามบินสุวรรณภูมินั้นมีความคล่องตัวขึ้นมาก นอกจากนั้นแล้วยังมีบริษัทผู้ให้บริการในด้านชิปปิ้งเคลียร์สินค้าสุวรรณภูมิมาช่วยให้กระบวนการทางศุลกากรสะดวกรวดเร็วขึ้นด้วย ช่วยลดขั้นตอนและงานด้านเอกสารไปได้เยอะทีเดียว แต่อย่างไรก็ดี ในเรื่องของขั้นตอนการเสียภาษีก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้นำเข้าจะต้องทำความเข้าใจให้ดี เพราะสินค้าที่จะนำเข้ามาในไทยบางชนิดมีกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าจะต้องเสียภาษีสรรพสามิตด้วย แล้วภาษีสรรพสามิตคืออะไร?
ภาษีสรรพสามิต ก็คือ ภาษีการขายเฉพาะ ภาษีชนิดนี้จะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าบางประเภท ที่เข้าเกณฑ์การพิจารณาตามหลักกฎหมายว่าเป็นสินค้าที่อุปโภคบริโภคแล้วอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ หรือส่งผลกระทบต่อศีลธรรมอันดี รวมถึงเป็นสินค้าที่จัดได้ว่านอกเหนือจากความจำเป็นในการดำรงชีวิตทั่วไป เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยหรือเป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม สินค้าที่อยู่ในกลุ่มเหล่านี้ล้วนจัดอยู่ในสินค้าที่จะต้องเสียภาษีภาษีสรรพสามิตทั้งสิ้น
สินค้านำเข้าใดบ้างที่จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตแน่นอน
ใครที่กำลังจะนำเข้าสินค้าผ่านบริการชิปปิ้งเคลียร์สินค้าก็ควรจะต้องทราบว่าสินค้าของคุณอยู่ในกลุ่มที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตหรือไม่ ซึ่งการทราบในเรื่องนี้ไว้ก่อนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณสามารถคำนวณต้นทุนการนำเข้าทั้งหมดได้ อันจะทำให้การกำหนดราคาขายสินค้าของคุณทำได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ขาดทุน โดยกฎหมายการนำเข้าของไทยได้ระบุกลุ่มสินค้าที่จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตแน่นอนไว้เลยก็คือ
- เครื่องดื่มประเภทน้ำผักผลไม้
- สุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- สินค้าในกลุ่มยาสูบ
- ไพ่
- แบตเตอรี่
- พรมและสิ่งทอปูพื้น
- พาหนะ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือยอชต์
- สินค้าในกลุ่มน้ำหอม ทั้งหัวน้ำหอมและน้ำมันหอม
- สินค้าในกลุ่มของน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เป็นต้น
สินค้าที่กล่าวมาเหล่านี้ จะต้องทำการเสียภาษีสรรพสามิต พร้อมกับภาษีนำเข้าศุลกากร อีกทั้งยังต้องเสียภาษีเพื่อมหาดไทยที่ต้องจ่ายอีกประการหนึ่งด้วย อย่างไรก็ดีอัตราภาษีหรือเกณฑ์การยกเว้นการเสียภาษีสรรพสามิตในสินค้าบางรายการอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจในช่วงเวลาต่าง ๆ ดังนั้นควรทำการศึกษาทำความเข้าใจก่อนว่าในช่วงเวลาที่นำเข้านั้น ๆ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หากไม่มั่นใจก็ให้สอบถามและขอคำปรึกษาจากบริษัทที่ให้บริการชิปปิ้งเคลียร์สินค้าได้เลย ซึ่งก็จะช่วยให้คุณทราบข้อมูลที่อัปเดตได้ทันที