บทความ

DHL ให้บริการอะไรบ้าง ฉบับเข้าใจง่ายสำหรับ Start Up มือใหม่

DHL คือบริษัทที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก โดยการให้บริการของบริษัทนั้นครอบคลุมการขนส่งทุกรูปแบบ ทั้งทางเรือ ทางเครื่องบิน และทางรถขนส่ง อีกทั้งยังให้บริการทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยในปัจจุบันพบว่ามีผู้ประกอบการใหม่ที่ยังไม่คุ้นชินกับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ มักจะประสบปัญหากับการใช้บริการบริษัทที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ จนทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เช่น ของติดด่านศุลกากรและชิปปิ้งไม่สามารถเคลียร์ของออกมาให้ได้ เป็นต้น เราจึงต้องมาทำความเข้าใจเบื้องต้นกันแบบง่าย ๆ ว่าบริการโลจิสติกส์จาก DHL นั้นให้บริการอะไรแก่คุณบ้าง

การบริการด้านโลจิสติกส์ของ DHL ที่ผู้ประกอบการใหม่ควรรู้ก่อนเลือกใช้บริการ

เมื่อพูดถึงธุรกิจโลจิสติกส์ติกแล้วหลายคนจะคิดไปถึงการขนส่งระหว่างประเทศและชิปปิ้งเคลียร์ภาษี หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่แบบตู้คอนเทนเนอร์ แต่แท้ที่จริงแล้วความหมายของธุรกิจนี้ครอบคลุมไปถึงการส่งสินค้าภายในประเทศด้วย เริ่มตั้งแต่สินค้าขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งบริษัทโลจิสติกส์ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นให้บริการแบบ One Stop Service ครบและจบในที่เดียวอยู่แล้ว ข้อมูลบริการต่อไปนี้จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการใหม่ควรทราบ

บริการพิธีการศุลกากร หรือที่หลายคนเข้าใจว่าคือชิปปิ้งเคลียร์ภาษี แต่จริง ๆ แล้วชิปปิ้งยังให้บริการดำเนินการด้านเอกสารศุลกากรทั้งหมด ตั้งแต่รับทำเอกสารผู้นำเข้า-ส่งออกสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกแต่ไม่ทราบว่าคุณต้องมีชื่อเป็นผู้นำเข้า-ส่งออกก่อน จึงจะสามารถดำเนินการขั้นต่อไปได้ ชิปปิ้งก็จะให้บริการในส่วนนี้ด้วย ไปจนถึงขั้นตอนการเคลียร์ของไม่ว่าจะมาทางเครื่องบิน ทางรถ หรือทางเรือ

บริการขนส่งทางทะเล หรือที่หลายคนรู้จักดีว่าส่งของทางตู้คอนเทนเนอร์ และหลายคนเข้าใจว่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งใหญ่ทั้งยาวแล้วของที่จะส่งมีขนาดไม่ใหญ่จะคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งในข้อนี้ DHL จะเป็นผู้จัดการให้คุณเอง โดยหากสินค้าคุณไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มาก หรือไม่เต็มตู้ จะได้รับการให้บริการแบบ LCL (Less than Container Load) คือสินค้าของคุณจะถูกจัดเข้าไปอยู่ในตู้รวมกับสินค้าของลูกค้าคนอื่น ๆ ที่ส่งไปประเทศเดียวกับคุณ ส่วนค่าใช้จ่ายก็จะคิดตามขนาดสินค้าจริงของคุณเท่านั้น ส่วนถ้าหากเป็นสินค้าขนาดใหญ่หรือเต็มตู้ จะได้รับการให้บริการแบบ FCL (Full Container Load) โดยเมื่อตู้สินค้าของคุณได้มาถึงท่าเรือและชิปปิ้งเคลียร์ภาษีให้เรียบร้อย ตู้ของคุณจะถูกยกขึ้นเรือตามตารางเรือที่คุณจะได้รับจาก DHL

บริการขนส่งทางอากาศ หรือขนส่งทางเครื่องบินเป็นการขนส่งที่ใช้เวลารวดเร็ว ค่าบริการคิดราคาตามน้ำหนักสินค้าเป็นกิโลกรัม และเป็นการส่งสินค้าที่มีของโดนยึดสนามบินบ่อยที่สุด เนื่องจากบางครั้งคุณเองก็แจ้งรายละเอียดสินค้ากับชิปปิ้งไม่ครบ เช่น นำเข้าตุ๊กตาแต่กลับลืมบอกชิปปิ้งว่าตุ๊กตานั้น ๆ มีเครื่องจักรหรือเครื่องกลอยู่ภายในด้วย ทำให้ชิปปิ้งแจ้งพิกัดสินค้าผิด เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจเจอของจึงถูกยึด และเป็นหน้าที่ของชิปปิ้งอีกเช่นกันที่ต้องเคลียร์สินค้าให้คุณ ดังนั้นหากผู้ประกอบการต้องการส่งสินค้าทางเครื่องบิน ต้องแจ้งรายละเอียดสินค้ากับชิปปิ้งให้ครบเพื่อป้องกันปัญหาสินค้าโดนตรวจยึด

บริการขนส่งทางถนน หรือการใช้บริการรถขนสินค้า ซึ่งก็ไม่ได้มีเฉพาะรถ 10 ล้อ หรือ 22 ล้ออย่างที่เข้าใจเท่านั้น เพราะปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าและพัสดุแบบรถ 4 ล้อ และ 2 ล้อด้วย สำหรับสินค้าด่วนหรือสินค้าที่อยู่ในระยะไม่ไกล ส่วนสินค้าที่มีขนาดใหญ่เป็นตู้คอนเทนเนอร์หรือเป็นเครื่องจักร ที่ต้องการส่งออกต่างประเทศแค่ประเทศเพื่อนบ้าน ก็สามารถใช้บริการรถ 10 ล้อ หรือ 22 ล้อจาก DHL ได้ ซึ่งกระบวนการทางเอกสารจะเหมือนกับการส่งออกทางเรือและเครื่องบิน และใช้ชิปปิ้งเคลียร์ภาษีให้เหมือนกัน ดังนั้น ระบุสถานที่ปลายทางให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ให้บริการได้ออกแบบบริหารจัดการสินค้าของคุณให้ถึงที่หมายอย่างถูกต้อง และใช้รถได้อย่างถูกประเภท

ทั้งหมดนี้คือการบริการขั้นพื้นฐานที่ผู้ประกอบการใหม่ควรทราบว่า DHL ให้บริการอะไรแก่คุณบ้าง นอกเหนือจากนี้คือการเลือกใช้บริษัทโลจิสติกส์ที่ได้มาตรฐาน มีความเชี่ยวชาญในสายงานที่ทำ มีทีมชิปปิ้งเคลียร์ภาษีที่มีความรู้ความสามารถ และมีเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าที่มีความรู้คอยให้คำแนะนำ ซึ่งบริษัทโลจิสติกส์จะเปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิดและช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปได้อย่างไร้อุปสรรค สินค้าถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย และเมื่อมีสินค้านำเข้ามาก็ไม่ติดปัญหาที่ทำให้ต้องเสียเวลา